myHealthWorld myHealthThink myHealthPeek myHealthMob License AgreementPrivacy PolicySupport Center
Product
myHealthFirst myHealthCare myHealthMob myHealthThink myHealthRoom Plug Tablet
Service
Smart Hospital Corporate Wellness Home Monitoring
Download
myHealthFirst APK
Contact
Login
ไขมันสะสมเพิ่มนมเพิ่มโรค

ไขมันสะสมเพิ่มนมเพิ่มโรค

          หลายคนคงจะเคยได้ยินว่า คนอ้วนจะมีการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงชนิด เอสโตรเจน (Estrogen) ได้มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งก็พบว่าเป็นความจริง เนื่องจาก เอสโตรเจน เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) หรือ ฮอร์โมนเพศชาย โดยอาศัยเอนไซม์ที่ชื่อว่า อะโรมาเตส (Aromatase) เป็นตัวเปลี่ยน อะโรมาเตส พบได้มากในไขมันบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous fat) และไขมันที่สะสมบริเวณอวัยวะภายในของร่างกาย (Visceral fat) แต่อะโรมาเตสที่พบบริเวณไขมันใต้ชั้นผิวหนังจะทำงานได้มากกว่านั่นเอง (Higher Aromatase activity)
        โดยทั่วไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จะต้องมีฮอร์โมนทั้ง 2 อย่างในร่างกายเพียงแต่จะมีปริมาณและสัดส่วนที่แตกต่างกัน เทสโทสเทอโรนเป็นฮอร์โมนในกลุ่มที่ช่วยในการสร้างเสริมร่างกาย (Anabolic hormone) ช่วยในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และทำให้มีสุขภาพทางเพศที่ดี ดังนั้น เมื่อเรามีไขมันมากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่อ้วน จึงทำให้ระดับของเทสโทสเทอโรนในร่างกายลดน้อยลง ซึ่งผลดังกล่าวจะเห็นชัดในผู้ชาย ซึ่งจะทำให้มัปัญหามีเต้ามนมคล้ายผู้หญิง (Gynecomastia) ลงพุง (Abdominal Obesity) กล้ามหาย ไขมันยิ่งมากขึ้นในส่วนต่าง ๆ ตามร่างกาย ไม่ค่อย active ไม่ alert เหนื่อยเพลียง่าย ออกกำลังกายไม่ค่อยไหว นอกจากนี้แล้วการที่ฮอรืโมนเทสโทสเทอโรนลดลงก็ยังทำให้เซ็กส์เสื่อมได้ อวัยวะเพศแข็งตัวได้น้อยลงกว่าเดิมได้ เป็นต้น ซึ่งเป็นผลรวมมาจาก เทสโทสเทอโรนที่ต่ำลง และ เอสโตรเจนที่สูงมากขึ้นนั่นเอง
        ดังนั้น สำหรับ หนุ่ม ๆ ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนนะครับ หรือ หากอ้วนอยู่แล้ว ก็ต้องพยายามลดไขมันในร่างกายให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับทั้งอาหารการกิน ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง ทำ 3 อย่างนี้ควบคู่กัน เพราะทำให้ประสบผลสำเร็จในการลดน้ำหนักได้มากที่สุด จะเห็นได้ว่า แค่ไขมันที่เพิ่มขึ้นอย่างเดียวนั้น ก็ส่งผลต่อร่างกายเราได้มากมายหลายระบบ เหมือนที่เค้าบอกไว้ว่า #ลดพุงลดโรค นั่นเองครับ

ขอขอบคุณ : บทความโดย นพ.เสฏฐวุฒิ งามเมธิชัยวงศ์ (หมอตั้ม)
แพทย์วุฒิบัตรด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและสมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ประเทศสหรัฐอเมริกา (American Board of Anti-Aging and Regenerative Medicine)
เจ้าของผลงานหนังสือ Best seller 2 เล่ม “Anti-Aging รู้ก่อนใครชะลอวัยก่อนเพื่อน” ปี 2559 และ “กู้ร่างกลับฉบับชะลอวัย” ปี 2560

โพสต์เมื่อ : 18/06/2018
บทความที่คุณอาจสนใจ